วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2550

ไฟนอลลลล โปรรรเจ็กกกกก

การดึงความสนใจเพื่อทำลายซีเควน เริ่มจากตอนแรกเลยที่ยังคุยกันอยู่ว่าหัวข้อนี้มันไม่เป็นหลักการมากนัก เงื่อนใขหลักเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติดังนั้น จึงต้องหาแก่นของมันให้ได้ก่อน หรือว่าหาเรื่องหลักที่จะนำไปสู่การดึงความสนใจของเรื่องนั้นๆ แล้วการดึงความสนใจก็แบ่งเป็นสองอย่าง การดึงความสนใจระยะสั้น กับการดึงความสนใจระยะยาว การทำงานครั้งนี้ทำให้ตัวกระผมได้เจอปัญหาที่ไม่เคยเจอ คือว่า เราไม่รู้ว่าเรื่องที่เราทำมันเป็นไงเรายังอยู่กับมันนานไม่พอ ทำให้เราไม่รู้ว่าเราจะทำอะไร ก็ดันทุรังทำไปทั้งๆที่มีทางออกอื่นอีกเยอะ กลายเป็นว่าทำเรื่องยากๆแต่ทำไม่ดี นั้นคือปัญหาที่เจอ แล้วมันก็เป็นผลระยะยาวที่ทำให้เราไม่สนุกในการทำงานเลย กังวลว่างานจะเป็นยังไงจะดีไหม ทั้งๆที่ยังไม่ได้ทำ และที่ไม่ทำก็เพราะว่ากลัวว่าทำแล้วจะไม่ดีเพราะว่าคิดอย่างเดียว ไม่ทำ ทั้งๆที่อาจารย์ก็บอกไม่รู้กี่ต่อกี่ครั้งว่าทำไปเหอะแล้วจะมีทางออก เราก็เห็นเพื่อนๆเจอกันทุกคน ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เอาไปใช้ได้จริงๆว่าถ้าคิดไม่ออก ตัน ให้ทำไปเหอะเดี๋ยวจะเจอทางออกเอง เริ่มมาจับต้นชนปลายได้ก็เหลือเวลาไม่มากนัก เป็นเรื่องน่าเสียดายเพราะว่า หัวข้อของเราผ่านก่อนเพื่อนเลย และเหตุที่ทำให้เป็นอย่างนี้เหตุสำคัญเลยคือ ความขี้เกียด ความขี้เกียดเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก ทั้งๆที่รู้ว่าขี้เกียดแต่ก็ไม่ทำอะไรเลย นอนคิดนั่งคิดอยู่นั้นแหละว่าทำอย่างนี้จะดีไหมอย่างนั้นล่ะจะดีไหม พอไม่ได้ก็ท้อ บ่นอยู่นั้นแหละว่า แม้งตันว่ะ เซ็งว่ะ จริงๆที่ต้องตันก็คือถูกต้องแล้วเพราะ ถ้าการเรียนครั้งนี้เราไม่ตันแสดงว่าเราไม่ได้เรียน อาจารย์ติ๊ก พูดเสมอว่า เราไม่ได้มาทำมาสเตอร์พีชนะ เราเป็นนักศึกษาเรามีโอกาศได้ลองผิดลองถูกในการทำงานโดยมีคนคอยมาบอกว่าอันนี้ดีนะ อันนี้ไม่ดี ซึ่งจริงๆแล้วเวลาจบออกไปเราจะไม่ได้เจออย่างนี้เลย ซึ่งตอนนี้เราเรียนอยู่ เราเป็นนักศึกษา เราจ่ายเงินไปแล้ว เราสามารถหาความรู้ได้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับการออกแบบเ
เทอมนี้ได้รู้อะไรเยอะไปหมด ได้รู้กระทั่ง วิธีอ่านหนังสือที่ถูก วิธีดูทีวีที่ถูก ที่ถูกในที่นี้หมายความว่า ดูแล้วสามารถปลอกเปลือกมันออกมาได้ เข้าใจมันอย่างที่คนที่คิดมันเข้าใจ อีกทั้งการเรียนที่ไม่เหมือนเดิม ไม่ใช่การเรียนที่พอถึง เรา เราก็เข้าไปนั่งคุยกับอาจารย์โดยที่เพื่อนๆก็นั่งเล่น เสียงดังคุยกัน แต่นี่เป็นการเรียนที่เราได้เรียนครบทุกนาทีเลย การเรียนรู้จากงานเพื่อนที่โดนด่า แล้วเพื่อนเรียนจากเราที่โดนด่า กลายเป็นเรื่องดี เมื่อก่อนอาจจะไม่คิด แล้วเทอมเราก็ได้รู้ว่าเราอ่อนด้อยเรื่องอะไร แล้วเราต้องแก้ปัญหาเรื่องอะไร
จนถึงตอนนี้ต้องขอขอบคุณ อาจารย์ติ๊ก อาจารย์นุ ที่ช่วยประสิทธิประสาทวิชาให้กระผมทุกครั้งที่ฟังคอมเม้นจากอาจารย์มันเหมือนถูกค้อนตีที่ตัวแรงๆ แล้วพวกเศษปูนที่เกาะตัวเราอยู่ก็ค่อยๆหลุดออกที่แผ่นสองแผ่น จนรู้สึกได้ว่าตัวเราเบาขึ้นวิ่งได้เร็วขึ้นกระโดดได้สูงขึ้น มีความสุขยิ่งกว่า ความสุขของกะทิอีก ก็ขอให้อาจารย์อายุมั่นขวัญยืนนะครับ (ผมรู้เลยว่าอาจารย์ติ๊กจะบอกว่ามึงมาอวยพรอะไรกูว่ะ 555) แต่ยังไงก็ขอขอบคุณอีกครั้งครับ ที่ทำให้ตัวผมเบาขึ้น

Final Project

วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2550

ยางงงง ไม่ไปไหนนนน หัวจายยยฉันยังเป็นอย่างเดิม ( ขอบ่น )

ทำไปเรื่อยๆ คิดไม่ค่อยออก ไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่ไม่รู้จะอัพอะไร แต่เห็นของคนอื่นแล้วชื่นใจแทน ทุกคนเจ๋งมาก ทำกันสุดๆ สู้สุดชีวิต กดคีย์บอร์ดแต่ละทีน้ำตาแทบไหล เพราะไม่รู้พิมพ์อะไร ได้แต่นึกเบื่อตัวเองที่ไม่สามารถทำอะไรได้ดั่งใจ สักพักก็เริ่มดีขึ้น ก็เลยคิดว่า เอาว่ะ สู้เว้ย แต่แม้งยากว่ะ จะเริ่มยังไงดีล่ะ การทำงานที่ผลงานออกมาเป็นกลางมากที่สุดนั้นช่างยากเหลือเกิน แต่ก็ทำไปเรื่อย คิดอะไรออกก็ใส่
ซีเควน คำๆนี้จะติดตรึงไปจนชีวิตเราจะหาไม่ สู้เว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

ให้ไวๆ


ตั้งแต่เริ่มทำงานก็พยายามถ่ายหลายๆเรื่องราวเพื่อให้ตรงตามจุดประสงค์ของงานมากที่สุด ผมคาดว่าจะใช้การดึงความสนใจกันไปมาระหว่างจอสองจอ โดยคำนึงถึงว่าอะไรบ้างที่จะทำให้สนใจได้ ทั้งเรื่องสี รูปทรง ความเป็นปัจจุบัน ผู้หญิง เทคโนโลยี เรื่องลับๆ ท่าทางตลกๆ การเล่นดนตรีสด เกมส์ ซึ่งทั้งหลายเหล่านี้จะเป็นเรื่องราวที่จะนำเสนอ แต่ละอันจะพูดถึงเรื่องที่ต่างกันออกไปเพื่อความหลากหลายและยิ่งเรื่องราวต่างกันออกไปก็ทำให้เป็น
การเอื้ออำนวยต่อการดึงความสนใจ เพราะพอผู้ชมกำลังชมเรื่องราวแรกที่ดำเนินอยู่นั้น ผมก็จะนำเสนออีกเรื่องราวหนึ่งที่มีน้ำหนักและความน่าสนใจมาเพื่อดึงความสนใจ และหลายๆเรื่องราวก็เป็น S.Q. เช่นกัน และบางอันก็เหมือนกับว่าอำนวยต่อกันและกันอยู่แล้วด้วยจุดประสงค์ของงานที่ต้องการดึงควาสนใจ เพื่อการทำลายซีเควนนั้นและก่อเกิดซีเควนใหม่

Drawing

Women

Car

Game

Mhee

Fan

วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

การดึงความสนใจ

การดึงความสนใจเรื่องราว อะไรที่สามารถดึงความสนใจไปได้ นั้นหมายความว่าสิ่งๆนั้นต้องมีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย และการที่เรื่องๆหนึ่งจะดึงความสนใจจากอีกเรื่องไปได้ ก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นเรื่องเดียวกันก็ได้ และจากการที่ใช้เวลาอยู่กับสิ่งเหล่านี้ก็ได้ข้อสรุปมาไม่น้อย ว่าการที่คนทำกิจกรรมอะไรอยู่นั้นการที่จะดึงความสนใจมาได้ ส่วนใหญ่จะต้องเป็นอะไรที่ ดูดี สวยงาม แปลก ตลก และเสียงก็มีส่วนสำคัญเช่นกันในการดึงความสนใจ เพราะในขณะที่เราทำกิจกรรมอะไรบางอย่างอยู่นั้นแล้วมีเสียงดังขึ้นในขณะที่ทำกิจกรรมนั้นอยู่ เราก็จะรู้สึกถึงความน่าสนใจในขั้นต้นและหลังจากที่ดึงความสนใจในขั้นต้นได้แล้วก็อยู่ที่เรื่องราวนั้นจะมีความน่าสนใจที่จะสามารถทำให้เราสนใจเรื่องราวนั้นจนจบไหม
จากที่เริ่มทำงานก็พบปัญหาขึ้นมา ว่าอะไรที่ทำให้คนที่ดูงานเราแล้วรู้สึกตรงกับconcept ของเราคือด้วยความที่เป็นงานของเราเองเราอาจจะคิดไปเองว่างานได้แล้ว ก็เลยต้องถามเพื่อนๆบ้าง และในระหว่างที่คิดเนื้อหาของหาก็จะระวังว่าเราลืมเรื่องS.Qไปไหมเพราะเวลาคิดอะไรไปเรื่อยมักจะทำให้หลงทางอยู่เรื่อย ผมจึงคิดเนื้อหาของงานไม่ใช่แค่ว่าจะดึงความสนใจเท่านั้น ผมจึงอยากในการดึงความสนใจนั้นมีสุนทรียภาพด้วย จึงนำเรื่องความวุ่นวายที่เกิดจากความทันสมัยมาพูด
ในเนื้อหาของงานก็จะเป็นการดึงความสนใจไปมาระหว่างความวุ่นวายทั้งหลายจนท้ายที่สุดเราก็ไม่ไหวกับความวุ่นวายนั้นจนเราหันมาสนใจสิ่งรอบข้างที่สงบ นิ่ง ง่ายๆ ไม่ต้องอะไรมากมาย

วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

Proposal

Project การดึงจุดสนใจ
ในชีวิตประจำวันของใครหลายๆคนมีโอกาสเจอเหตุการณ์อย่างนี้อยู่หลายต่อหลายครั้งเพียงแต่เราไม่ได้สังเกตจริงๆแล้วเหตุการณ์อย่างนี้ไม่จำเป็นต้องสังเกตด้วยซ้ำ เนื่องจากการดึงจุดสนใจส่วนใหญ่เกิดจากความรู้สึกอย่างเป็นธรรมชาติ การที่เราถูกดึงความสนใจไปนั้นข้อสังเกตง่ายๆคือ ส่วนใหญ่สิ่งที่ดึงความสนใจเราไปนั้นเป็นสิ่งที่น่าสนใจไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และการที่เหตุการณ์ส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นล้วนเกี่ยวข้องกับ sequence จึงเป็นไปได้ว่าการดึงจุดสนใจนั้นอาจทำให้ เกิดการทำลาย sequence ได้ และจุดประสงค์ในงานผมคือการสร้างงานเพื่อทำลายงานคนอื่นในห้อง เพื่อเป็นการได้คำตอบจากสมมุติฐานที่ตั้งไว้ ทางที่จะทำลายงานได้แบ่งเป็นสองทางใหญ่ๆคือ
Time Base Media
Book Design
แต่ที่ผมคิดว่าเหมาะในการนำมาใช้งานคือ Time Base Media เพราะเนื่องจากสื่อนี้มีกำลังพอที่จะทำลายได้ทั้งสองทางด้วยการเอื้ออำนวยทั้งภาพและเสียงจึงน่าจะดึงความสนใจจากคนอื่นได้ง่ายกว่าการทำ Book Design และในเรื่องของมุมมอง และได้รับคำแนะนำมาการมีมากกว่าหนึ่งย่อมมีโอกาสสังเกตได้ง่ายกว่าและเรื่องราวของงานนอกจากดึงความสนใจมาได้แล้วต้องสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่โดยที่คนที่ดูต้องอยากดูต่อจนจบได้

Sequence

จากที่ค้นหาหลายๆอย่างที่เกี่ยวกับคำว่า sequence จนเข้าใจได้ว่าทุกอย่างบนโลกล้วนถูกเชื่อมโยงกับคำนี้ทั้งสิ้น ค้นหาจนบ้างครั้งถึงกับใช้คำว่า งงว่ะ และในที่สุดก็ได้อะไรที่น่าสนใจมาขณะการสนทนาระหว่างเพื่อนกับผม สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ในการคุยอย่างเคร่งเครียดเรื่องงาน แต่แล้วก็มีหญิงสาวนางหนึ่งหรือเรียกได้ว่านางฟ้ามาจุติเดินผ่านมาในบริเวณที่ผมกับเพื่อนพูดคุยกันสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้การสนทนาระหว่างเพื่อนกับผมถูกยุติลงอย่างฉับพลัน หรือพูดให้เท่ว่า sequenceถูกทำลายลงแล้ว ในการสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นนี้สามารถวิเคราะห์ได้ว่า sequence บางอันมีจุดเด่นพอที่จะทำลาย sequence อีกอันได้ เรื่องราวระหว่างพูดคุยกันถูกลืมไปชั่วขณะ แต่ในการสังเกตหลายๆครั้ง บางเรื่องราวถูกลืมไปอย่างถาวร และจากเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นใช้ได้จริง

วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2550

Sequence ในภาพยนต์


Forrest Gump เป็นเรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่งที่มีชีวิตที่ค่อนข้างมหัศจรรย์ ตั้งแต่เริ่มเรื่อง กัมส์ ซึ่งเป็นเด็กไอคิวต่ำและเป็นโรคสันหลังคด ใช้ชีวิตอยู่กับแม่สองคนโดย บ้านเปิดเป็นที่พักสำหรับผู้ที่เดินทางไกล จึงทำให้กัมส์ได้เจอผู้คนหลากหลายหรือบางคนอาจเป็นคนที่เราอยากเชื่อว่ากัมส์จะเจอ และการที่กัมส์ต้องเริ่มเรียนกับเด็กธรรมดาจึงทำให้กัมส์ได้เจอกับเจนนี่ คนที่เปลี่ยนชีวิตของกัมส์จากคำพูดเพียงไม่กี่คำทำให้กัมส์วิ่งได้เหมือนคนปกติทั่วไปนั้นเป็นจุดเริ่มของชีวิตที่มหัศจรรย์การที่อเมริกาทำสงครามกับเวียตนามทำให้กัมส์ที่เป็นทหารใหม่ได้เจอกับบับบาเพื่อนคนเดียวของกัมส์ ความฝันของบับบาที่อยากทำเรือจับกุ้งกัมส์ก็เป็นผู้สานต่อความฝันนั้นหลังจากที่บับบาเสียชีวิตในระหว่างรบ การที่เป็นคนอเมริกันกลุ่มแรกที่เข้าไปเยือนจีน การที่ได้พบผู้นำประเทศหลายต่อหลายครั้งการ เป็นเรื่องที่สำคัญแต่กัมส์กลับรู้สึกเป็นเรื่องธรรมดาๆ เรื่องที่สำคัญที่สุดของกัมส์คือเจนนี่หลังจากที่เจนนี่ทิ้งกัมส์ไปทำให้กัมส์ วิ่งอย่างที่ไม่รู้ว่าวิ่งทำไมคำตอบของกัมส์คือ ก็แค่อยากวิ่ง เท่านั้น กัมส์ได้เจอกับเจนนี่และกัมส์ก็ได้เจอกับลูกชายของตัวเอง หลังจากแต่งงานกันเจนนี่ก็จากไปอย่างไม่มีวันกลับเป็นการจากไปอย่างสงบยิ่ง และกัมส์ก็ใช้ชีวิตที่มีทั้งหมดเพื่อดูแลลูกของตัวเองให้ดีที่สุด หนังจบอย่างสงบการใช้ขนนกเป็นสื่อของการเริ่มให้ความรู้สึกดีมากๆ ประโยคบางตอนในหนังกินใจมากพอที่ทำให้คนที่ดูจบนำมาพูดกันต่อตัวหนังมีวิธีสอนอะไรดีๆได้อย่างน่าประทับใจ การรักษาสัญญา ความขยัน การตั้งใจทำอะไรสักอย่าง ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่คนอย่างเราบางครั้งลืมไปเลย
Sequence ที่ได้จากหนังเรื่องนี้คือการเรียงลำดับที่เกิดจากการเล่าเรื่องของพระเอกการลำดับไปมาระหว่างอดีตกับปัจจุบัน เนื้อหาหลายตอนที่ถูกนำมาประติดประต่อกันโดยถูกฉากพระเอกนั่งรอรถขั้นเอาไว้ การเล่าเรื่องอย่างรวบรัดและนำมาต่อและเพื่อให้เข้าใจหนังจึงต้องการตัวเชื่อม Link ในเรื่องนี้เท่าที่ผมคิดไว้มี 1.กัมส์ , 2.เจนนี่
กัมส์ เป็นตัวเชื่อมต่อของหลายๆเรื่องโดยตรงและโดยอ้อม หลายๆตัวละครเกิดจากกัมส์ โดยร่วมแล้วกัมส์เป็นLinkที่มีผลกระทบมากที่สุด
เจนนี่ เป็นอีกตัวเชื่อมนึงในหนังที่สำคัญ หลายๆฉากที่ไม่ได้เอ่ยถึงเจนนี่แต่กลับรู้สึกว่าฉากนั้นมีเจนนี่เป็นใจความหลักของฉาก
การลำดับตอนของหนังที่ดูง่ายไม่ซับซ้อนทำให้หนังเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น การใช้สัญลักษณ์ในการสื่อในเช่นขนนก ก็นับว่าเป็นตัวเชื่อมโยงที่ดีเช่นกัน

วันอังคารที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2550

คอนแทคเลนส์

การมองเห็น เป็นระบบประสาทสัมผัสที่มีผลต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์มากที่สุด การรับรู้ที่หลากหลายในเรื่องของสีสัน ความชัดเจน ระยะใกล้ไกล ล้วนแต่เป็นสิ่งที่จำเป็น และความบกพร่องทางสายตาก็คือสิ่งมนุษย์อย่างเราหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความสามารถในการมองเห็นเสื่อมลงทำให้เกิดปัญหาทางสายตา สายตาสั้น
สายตายาว สายตาเอียง และสายตาคนสูงอายุ แว่นตาคือ สิ่งที่มนุษย์คิดค้นขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาทางสายตาของมนุษย์ที่มีความบกพร่องในการมองเห็น เลนส์ คือส่วนสำคัญของแว่นตาเนื่องจากปัญหาทางสายตาของมนุษย์มีไม่เหมือนกัน เลนส์จึงถูกสร้างให้เหมาะสมกับปัญหาสายตาที่ไม่เหมือนกัน และด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าของมนุษย์ ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาได้มากขึ้น คอนแทคเลนส์ จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการในการมองเห็นของมนุษย์ที่มีมากขึ้น คอนแทคเลนส์ทำขึ้นจาก กระจก พลาสติก และซิลิโคน ความสามารถของคอนแทคเลนส์ ด้วยมุมมองที่มีมากกว่าแว่นตา อีกทั้งความเพี้ยนในการมองเห็นที่เกิดขึ้นน้อยกว่าแว่นตา ไม่มีเงาสะท้อนเหมือนแว่นตา และเวลาเล่นกีฬาก็สะดวกและปลอดภัยกว่าแว่นตา เรื่องความสวยความงามเป็นอีกความต้องการที่มนุษย์ได้จากผลพวงของคอนแทคเลนส์ แว่นกันแดดก็ไม่ใช่ปัญหาของคนที่ใส่แว่นตาอีก และถ้าลงลึกคอนแทคเลนส์ถูกจัดออกเป็นสองชนิดใหญ่ คอนแทคเลนส์ชนิดแข็ง (Hard Contact Lens), คอนแทคเลนส์ชนิดนิ่ม (Soft Contact Lens)
คอนแทคเลนส์ชนิดแข็งจะไม่มีความยืดหยุ่น ขนาดเล็กกว่าตาดำจะวางอยู่บนกระจกตาเท่านั้น ราคาถูก อายุการใช้งานอยู่ประมาณ 5-7 ปี ซึ่งจัดว่าทนทานพอสมควร ส่วนคอนแทคเลนส์ชนิดนิ่ม ยืดหยุ่นได้ มีขนาดใหญ่กว่าตาดำ วางอยู่บนตาดำและบางส่วนของตาขาวประมาณ 2 มม. ส่วนใหญ่ทำจากซิลิโคน คอนแทคเลนส์ชนิดนิ่มจะใส่ได้สบายตั้งแต่ระยะแรก ซึ่งต่างกับคอนแทคเลนส์ชนิดแข็งที่ต้องใช้เวลาในการปรับของสายตาที่ค่องข้างนาน อายุการใช้งานสั้นประมาณ 1-12 เดือน คอนแทคเลนส์ชนิดนิ่ม ยังสามารถแก้ไขผู้ที่มีความผิดปกติของขนตาที่งอนเข้าไปแยงกระจกตา เป็นสาเหตุทำให้น้ำตาไหล และผู้ที่มีอาการตาสั่นคอนแทคเลนส์ ทั้งสองชนิดล้วนถูกสร้างมาตามความต้องการของมนุษย์ทั้งสิ้น และด้วยความต้องการนั้นมนุษย์ก็สามารถแก้ไขความบกพร่องของร่างกายได้ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง การพัฒนาของเทคโนโลยีที่ถูกนำไปใช้ทางการแพทย์ ทางชีวภาพ เพื่อเอื้อประโยชน์แก่ตัวมนุษย์เอง แต่ด้วยข้อได้ข้อเสียที่มีระหว่าง แว่นตา กับ คอนแทคเลนส์ ทำให้แบ่งกลุ่มผู้ใช้ได้ การใช้คอนแทคเลนส์มีประสิทธิภาพอยู่เยอะแต่ข้อเสียก็มีเช่นกันนั้นคือการทำให้สุขภาพตาแย่ลง อีกทั้งยังสกปรกง่ายดูแลรักษายากกว่าแว่นตา แต่นั้นก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้บริโภคในการเลือกใช้ แว่นตาหรือ คอนแทคเลนส์ และปัจจุบัน การรักษาความบกพร่องของสายตามนุษย์ก็มีทางออกแล้ว การรักษาที่สามารถทำให้สายตาที่บกพร่องของมนุษย์กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมได้อีกจากการยิงเลเซอร์ แต่ด้วยค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ทำให้หลายๆคนเลือกที่จะแก้ไขมากกว่ารักษา
ความต้องการของมนุษย์ความต้องการที่จะแก้ไข , ความต้องการที่จะพัฒนา , ความต้องการที่ทดแทน ทุกอย่างล้วนเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เกิด การสร้างสรรค์ขึ้นมา

MY BEST WORK

Title : เพลงรัก

Concept : การที่มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความรู้สึกซับซ้อนกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นๆ จึงทำให้มนุษย์ค้นหาสิ่ง
ที่มาตอบสนองความรู้สึกบางอย่างในตัวของมนุษย์ และ หนึ่งในนั้นก็คือดนตรี จังหวะ ทำนอง คำร้อง ล้วน
ก่อกำเนิดให้เกิด เพลงขึ้นมา และ เพลงก็มีอยู่หลายชนิด และ เพลงรักคือหนึ่งในนั้น ด้วยบทเพลงหลายๆชิ้นที่
กล่าวถึงความรักในแง่ต่างๆ ในจังหวะที่หลากหลาย หลายชาติหลายภาษาต่างมีเพลงรักด้วยกันทั้งสิ้น หรืออาจ
กล่าวได้ว่าเพลงแทบทุกบทเพลงบนโลก ล้วนเกิดจากความรักเป็นที่ตั้ง




Title : ฉันรักเธอ 65 ( The man who ate the 747 )
Concept ความรักที่สามารถทำได้ทุกอย่าง ส่วนใหญ่เรามักพูดว่า ความรักทำให้คนตาบอด ความรักชนะทุกสิ่ง ความรักทำให้โลกกลายเป็นสีชมพู
แต่หากมีใครสักคนมานิยามคุณสมบัติความรักให้คุณด้วยการกินเครื่องบินเป็นอาหาร 3 มื้อ แทนการส่งกุหลาบแดงให้ทุกวัน วันละ 3 ครั้ง
ความรักทำให้กินเครื่องบิน 747 เป็นเรื่องน่าแปลก ไม่ใช่เครื่องบินของเล่น หรือขนม แต่เป็นเครื่องบินจริงๆนี่แหละ และมั่นใจว่าคุณต้องประทับใจ
ไม่น้อยหากใครจะมากินเครื่องบินเพื่อเราถึงขนาดนั้น